ความท้าทายในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

สินทรัพย์ดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินทั่วโลก และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การประกาศใช้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 ซึ่งถือเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีการออกกฎหมายเฉพาะเพื่อกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครบวงจร

ความท้าทายในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย
ความท้าทายในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

จุดเริ่มต้นของการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

การออก พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมทั้งระบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการ ได้แก่:

  1. การคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนจากความเสี่ยงในการลงทุน
  2. การกำกับดูแลการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้มีความโปร่งใส
  3. การควบคุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีมาตรฐาน
  4. การป้องกันการฟอกเงินและการกระทำอันไม่เป็นธรรมในตลาด

กฎหมายฉบับนี้ได้แบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล โดยมีการกำกับดูแลที่แตกต่างกัน กล่าวคือ คริปโทเคอร์เรนซีจะถูกกำกับดูแลเฉพาะในส่วนของการซื้อขายในตลาดรองและผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่โทเคนดิจิทัลจะถูกกำกับดูแลตั้งแต่การออกเสนอขายไปจนถึงการซื้อขายในตลาดรอง

ความท้าทายในการกำกับดูแลปัจจุบัน

1. การพัฒนาของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก้าวกระโดด

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เช่น:

DeFi
DeFi
  • การพัฒนาของ DeFi (Decentralized Finance) ที่นำเสนอบริการทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง
  • การเกิดขึ้นของ NFTs (Non-fungible tokens) ที่นำมาใช้แทนความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว
  • การ Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ คาร์บอนเครดิต หรือสิทธิในการเข้าชมคอนเสิร์ต ให้อยู่ในรูปของโทเคนดิจิทัล

ความท้าทายคือ การที่สินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่ง ๆ อาจมีคุณลักษณะผสมผสาน ทำให้ยากต่อการจำแนกประเภทตามกรอบกฎหมายปัจจุบัน

2. การสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผู้ลงทุน

สำนักงาน ก.ล.ต. มีภารกิจสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินและการคุ้มครองผู้ลงทุน โดยได้ดำเนินการหลายประการ เช่น:

ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม:

  • การสนับสนุนการออกและเสนอขาย Investment Token ในรูปแบบต่าง ๆ
  • การเตรียมเปิด Digital Asset Regulatory Sandbox
  • การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน:

  • การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องทำ KYC/CDD
  • การประเมินความเหมาะสมในการลงทุน (Suitability Test)
  • การจัดให้มีการอบรมความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

3. ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

การรักษาความปลอดภัยของระบบและทรัพย์สินดิจิทัลเป็นความท้าทายสำคัญ โดย ก.ล.ต. ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ เช่น:

Digital Wallet
Digital Wallet
  • การแยกการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลใน Hot Wallet และ Cold Wallet
  • การกำหนดให้มีระบบ Multi-signature ในการโอนสินทรัพย์
  • การกำหนดมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • การตรวจสอบระบบ IT อย่างสม่ำเสมอ

4. การปรับตัวให้ทันกับมาตรฐานสากล

ในระดับสากล หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศกำลังพัฒนากรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ประเทศไทยจึงต้องติดตามและปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในประเด็น:

  • การป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
  • การคุ้มครองผู้ลงทุนและความมั่นคงของระบบการเงิน
  • การกำกับดูแลผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลข้ามพรมแดน

แนวทางการพัฒนาการกำกับดูแลในอนาคต

เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ก.ล.ต. ได้จัดตั้งคณะทำงานปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประการ:

กลต.
กลต.
  1. การใช้หลักการ Same Risk, Same Rules: เพื่อให้การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน
  2. ความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล: โดยศึกษาแนวทางการกำกับดูแลจากประเทศที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงิน เช่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหภาพยุโรป
  3. การปรับปรุงบทบัญญัติให้เหมาะสม: โดยพิจารณาถึงลักษณะและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมที่กำกับดูแล

สรุป

การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและปรับตัวครั้งสำคัญ ท่ามกลางความท้าทายจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของตลาด และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย การปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่กำลังดำเนินการอยู่จะช่วยให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถคุ้มครองผู้ลงทุนได้อย่างเหมาะสม และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่จะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการกำกับดูแลจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้ลงทุน ในการพัฒนาระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความมั่นคง โปร่งใส และน่าเชื่อถือ อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยในอนาคต